ตอนนี้ผ่านมาแล้วกว่า 4 วัน ทางการรัสเซียยังไม่ส่งมอบร่างของ "นาวาลนี" ให้กับครอบครัวเพื่อไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนา จนหลายฝ่ายตั้งคำถามว่า รัฐบาลรัสเซีย จงใจหรือต้องการอำพรางสิ่งที่เกิดขึ้นกับนาวาลนีหรือไม่ ล่าสุด คนใกล้ชิดของ “นาวาลนี” ระบุว่า สาเหตุที่รัสเซียยังไม่ส่งมอบร่างของ "นาวาลนี" เป็นเพราะร่างของเขาถูกส่งไปชันสูตรก่อน
“อเล็กเซ นาวาลนี”ผู้นำฝ่ายค้านรัสเซีย คู่ปรับ "ปูติน" เสียชีวิตในเรือนจำ
ครอบครัว “นาวาลนี” ยังรับศพกลับไม่ได้-ภรรยาเดินหน้าต่อสู้ทางการเมือง
วานนี้ 19 ก.พ. คีรา ยาร์มึช โฆษกประจำตัวของอเลกเซ นาวาลนี ได้ออกมาเปิดเผยผ่านช่องวิดีโอยูทูปของทีม โดยระบุว่า ทีมสอบสวนของรัฐบาลรัสเซียได้แจ้งกับแม่ของนาวาลนีและทนายส่วนตัวว่า จะยังไม่มีการเปิดเผยหรือคืนร่างของนาวาลนี เพื่อให้ครอบครัวนำไปประกอบพิธีทางศาสนาในเวลานี้ เนื่องจากในอีก 14 วันข้างหน้า ทางทีมสอบสวนจะดำเนินการวิเคราะห์สารเคมีในร่างของเขาเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง
ตอนนี้หลายฝ่ายเชื่อตรงกันว่า ร่างของนาวาลนีน่าจะถูกนำไปเก็บไว้ที่ศูนย์การแพทย์ซาเลฮาร์ด ซึ่งอยู่ที่เมืองซาเลฮาร์ด ในเขตการปกครองตนเองยามาโล-เนเนียตส์ บริเวณอาร์กติกเซอร์เคิล ใกล้กับขั้วโลกเหนือ
การไม่คืนร่างของนาวาลนีให้แก่ครอบครัว ทำให้หลายฝ่ายตั้งคำถามไปยังรัฐบาลรัสเซียว่าต้องการปิดบังสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงของนาวาลนีหรือไม่ซึ่งหลายฝ่ายเชื่อว่าอาจเกิดจากการวางยาพิษ โดยหวังผลประโยชน์ทางการเมืองในช่วงการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงในเร็วๆ นี้ ล่าสุด เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลรัสเซียได้ออกมาแก้ต่างในเรื่องดังกล่าวแล้ว
คนที่ออกมาชี้แจงเรื่องนี้ คือ วาสซิลี เนเบนเซีย เอกอัครราชทูตถาวรรัสเซียประจำองค์การสหประชาชาติ โดยระบุว่า สาเหตุที่ยังไม่มีการคืนร่างของนาวาลนี เป็นเพราะกระบวนการทางนิติวิทยาศาสตร์ที่ใช้หาสาเหตุการเสียชีวิตยังไม่เสร็จสิ้น ขณะเดียวกัน เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำยูเอ็นก็ได้ตำหนิชาติตะวันตก ที่ออกมากล่าวหาว่าการเสียชีวิตของนาวาลนีครั้งนี้เป็นฝีมือของระบบปูติน
อย่างไรก็ดี ทางสื่ออิสระของรัสเซียอย่างโนวายา กาเซียตา ได้ตั้งคำถามและจุดประเด็นเกี่ยวกับสาเหตุของการไม่คืนร่างอเลกซี นาวาลนี โดยระบุว่า ตามหลักกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการฝังศพ หรือ the law “On Burial” ระบุชัดเจนว่า การคืนร่างผู้เสียชีวิตให้แก่ญาติจะต้องไม่ล่าช้าเกินสองวัน นับตั้งแต่ทราบสาเหตุของการเสียชีวิต
แต่คณะกรรมการสอบสวนของรัสเซียอ้างว่า ไม่สามารถระบุสาเหตุการเสียชีวิตของนาวาลนีได้ จึงได้มีการสั่งให้มีการตรวจชันสูตรตามกระบวนการ “histological examination ” หรือการตรวจชิ้นเนื้อจากร่างผู้เสียชีวิต การตรวจชิ้นเนื้อดังกล่าวนี้ ถือเป็นมาตรฐานสำคัญในการวินิจฉัยโรคทางพยาธิวิทยา แต่ขณะเดียวกัน ก็สามารถระบุร่องรอยของการสัมผัสกับสารเคมีในร่างของผู้เสียชีวิตได้ด้วย
นี่จึงนำไปสู่การตั้งคำถามของทีมบรรณาธิการสำนักข่าวโนวายา กาเซียตา ที่ว่า กระบวนสืบสวนเบื้องต้น กำลังตรวจหาสาเหตุของการเสียชีวิตที่แท้จริงของนาวาลนี ว่าเกิดจากการวางยาพิษครั้งใหม่ หรือเป็นผลต่อเนื่องมาจากการวางยาพิษโนวิช็อกนาวาลนีเมื่อสามปีก่อนคำพูดจาก สล็อตวอเลท
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2020 นาวาลนีเคยถูกวางยาพิษที่เรียกว่า โนวิช็อก สารพิษกลุ่มทำลายประสาท ชนิดไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ที่พัฒนาขึ้นสมัยสหภาพโซเวียต ในระหว่างระหว่างที่เขาเดินทางด้วยเครื่องบินจากไซบีเรียกลับมายังกรุงมอสโก อย่างไรก็ดี
นาวาลนี รอดชีวิตและถูกส่งตัวไปรักษาในประเทศเยอรมนี โดยนาวาลนีกล่าวหาว่ารัฐบาลรัสเซียพยายามจะลอบสังหารเขา แต่ทางการรัสเซียปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว
ขณะเดียวกัน ยูเลีย นาวาลนายา ภรรยาของนาวาลนี ได้ออกมาเปิดเผยผ่านวิดีโอ โดยระบุว่า สามีของเธอถูกวางยาพิษจนเสียชีวิตและนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ทางการรัสเซียไม่ยอมคืนร่าง จนกว่าจะแน่ใจได้ว่า สารพิษที่อยู่ในร่างกายของนาวาลนี จะสลายตัวไปทั้งหมดและไม่ทิ้งร่องรอยไว้ให้ตรวจสอบได้ในภายหลัง
คำถามสำคัญคือ โนวิช็อกสามารถอยู่ในร่างกายได้นานเท่าใดจนกว่าจะไม่สามารถตรวจพบด้วยวิธีทางนิติวิทยาศาสตร์ได้ มาร์ค ไมเคิล-บลัม นักพิษวิทยาและผู้เชี่ยวชาญด้านสารพิษโนวิช็อก ระบุว่า ปกติแล้วโนวิช็อก หรือสารพิษกลุ่มทำลายประสาท จะอยู่ในเนื้อเยื่อของผู้เสียชีวิตได้นานถึง 2 สัปดาห์หรืออาจจะมากกว่านั้น
ทั้งนี้ การตรวจพบจะขึ้นอยู่กับสภาพการเน่าสลายของร่างผู้เสียชีวิต หากร่างผู้เสียชีวิตเกิดกระบวนการเน่าสลาย โอกาสจะตรวจพบสารพิษกลุ่มทำลายประสาท รวมถึงโนวิช็อกจะลดลงตามไปด้วย
นักพิษวิทยารายนี้ ระบุว่า สาเหตุที่ต้องใช้การตรวจเนื้อเยื่อ เนื่องจากหลังเสียชีวิตไปหลายวัน การตรวจหาสารพิษต่อระบบประสาทด้วยการตรวจจากเลือด อาจไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเลือดอาจไม่สมบูรณ์เหมือนช่วงที่เพิ่งเสียชีวิตได้ไม่กี่ชั่วโมง
นี่จึงเป็นสาเหตุที่หลายฝ่าย ทั้งภรรยาของนาวาลนีและสำนักข่าวอิสระของรัสเซีย ออกมาตั้งคำถามกับทางการรัสเซียเกี่ยวกับปมวางยาพิษนาวาลนีในเรือนจำ นอกจากออกมากล่าวเรื่องการวางยาพิษแล้ว เมื่อวานนี้ ภรรยาของนาวาลนีได้ประกาศปณิธานของเธอหลังการเสียชีวิตของสามี
ยูเลีย นาวาลนายา ได้ระบุผ่านคลิปวิดีโอว่า เธอจะสานต่องานที่นาวาลนีทำ นั่นคือ การต่อสู้เพื่อให้รัสเซียเป็นอิสระ เพราะสิ่งที่สามีของเธอรักยิ่งกว่าสิ่งใดๆ ในโลกและเฝ้าฝันมาตลอด คือ ประเทศรัสเซียที่เป็นอิสระเสรีและสงบสุข
การประกาศของนาวาลนายา ทำให้หลายฝ่ายออกมาตั้งคำถามว่า เธอจะก้าวขึ้นมาเป็นฝ่ายต่อต้านประธานาธิบดีปูตินคนใหม่แทนที่สามีหรือไม่ เพราะการสูญเสียนาวาลนีในครั้งนี้ นักวิเคราะห์บางคนเรียกว่าเป็นการสูญเสียดาวฤกษ์ทางการเมืองครั้งใหญ่ครั้งหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์รัสเซีย
สำหรับประเด็นการสูญเสียนาวาลนีและอนาคตของกลุ่มฝ่ายค้านในรัสเซีย มิคาอิล โคดาร์คอฟสกี หนึ่งในนักการเมืองฝ่ายค้าน ที่ตอนนี้ต้องอาศัยอยู่ในสหราชอาณาจักร เนื่องจากถูกเนรเทศโดยทางการรัสเซีย ระบุว่า การสูญเสียนาวาลนีถือเป็นการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่สำหรับฝ่ายค้าน อย่างไรก็ดี แม้ว่านาวาลนีจะเป็นฝ่ายค้านที่โดดเด่นในรัสเซีย แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่ากลุ่มนักการเมืองฝ่ายค้านทุกคน จะเห็นด้วยกับการเคลื่อนไหวตามแนวทางของเขา เนื่องจากทุกกลุ่มมีอุดมการณ์ของตนเองที่ต่างกัน
ขณะเดียวกัน นักการเมืองฝ่ายค้านรายนี้ย้ำว่า การสูญเสียนาวาลนี ไม่ได้ทำให้อุดมการณ์และความเชื่อของกลุ่มฝ่ายค้านที่เชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตยเปลี่ยนแปลงไป และประธานาธิบดีปูตินต้องเข้าใจว่า เขาสามารถสังหารฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองได้ แต่เขาไม่สามารถสังหารอุดมการณ์ประชาธิปไตยในผู้คนหรือฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองได้
ส่วนประเด็นเรื่องยูเลีย นาวาลนายา จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำฝ่ายค้านแบบนาวาลนีหรือไม่ อเล็กเซ เลวินสัน ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยทางสังคมวัฒนธรรมประจำเลวาดาเซ็นเตอร์ ในรัสเซียให้ความเห็นว่า ยูเลีย นาวาลนายา อาจไม่ประสบความสำเร็จในทางการเมืองมากนักและอาจต้องจบชีวิตตามรอยนาวาลนี หากเธอเลือกที่จะลุกขึ้นมาต่อสู้ในรัสเซีย
แต่สิ่งที่เธอจะสามารถทำได้ คือการรักษาความทรงจำและเรื่องราวของนาวาลนีให้อยู่กับชาวรัสเซียต่อไป เพราะความทรงจำของนาวาลนีเป็นปัจจัยสำคัญ ที่ต้องแพร่กระจายไปยังสภาพแวดล้อมและสังคมที่ไม่ได้รับอิทธิพลจากนักต่อสู้ฝ่ายค้านรัสเซียคนอื่นๆ พื้นที่ดังกล่าวอาจเป็นกลุ่มคนที่มีการศึกษาน้อย คนหนุ่มสาวหรือคนหมู่มาก หรือกลุ่มคนที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะลุกขึ้นมาประท้วงในรัสเซีย
ท่ามกลางปริศนาการเสียชีวิตและความเศร้าโศกต่อการจากไปของนาวาลนี เมื่อวานนี้ ภรรยาของนาวาลนี ได้เดินทางไปยังที่ประชุมสหภาพยุโรป เพื่อหารือเรื่องการคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มเติม ล่าสุด ผู้นำหลายคนของชาติตะวันตก ได้ออกมาส่งสัญญาณว่ากำลังหามาตรการคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มเติม
หนึ่งในนั้นคือ แอนนาเลนนา แบร์บอค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเยอรมนี ที่ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวว่า ตอนนี้สหภาพยุโรปกำลังเล็งหามาตรการคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มเติมตามระบบการคว่ำบาตรเพื่อสิทธิมนุษยชน
การคว่ำบาตรดังกล่าวของบรรดาชาติสมาชิก EU นอกจากจะเป็นการคว่ำบาตรเพื่อตอบสนองต่อการเสียชีวิตของนาวาลนีแล้ว
ในอีกด้านหนึ่งก็เป็นการตอบสนองต่อสงครามยูเครนที่ดำเนินมาจะครบ 2 ปีเต็มในอีก 4 วันข้างหน้า สถานการณ์การสู้รบในวันใกล้ครบรอบ 2 ปี ไม่ค่อยดีนัก หลังยูเครนเสียเมืองอัฟดีฟกา เมืองยุทธศาสตร์ด้านอุตสาหกรรมไป
ล่าสุด ผู้นำยูเครนเดินทางไปตรวจเยี่ยมแนวรบด้วยตนเอง โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมและมอบรางวัลแก่ทหารในพื้นที่แนวรบคูเปียนสก์ หนึ่งในแนวรบที่เผชิญกับการโจมตีอย่างหนัก ทางตะวันออกเฉียงเหนือของยูเครน ผู้นำยูเครนได้กล่าวขอบคุณทหารทุกนาย ที่ช่วยปกป้องแผ่นดินยูเครนจากการโจมตีของรัสเซียที่ถาโถมเข้ามาในพื้นที่มากขึ้นเรื่อยๆ
นอกจากนี้ ในระหว่างที่เดินทางกลับกรุงเคียฟ ผู้นำยูเครนได้อัดคลิปวิดีโอรายงานสถานการณ์ประจำวัน โดยระบุว่า ตอนนี้สถานการณ์ในหลายแนวรบยากลำบากมาก เพราะรัสเซียได้นำกำลังพลสำรองทั้งหมดมาประจำที่แนวรบ แต่ยูเครนไม่สามารถรับมือได้เต็มที่ เนื่องจากขาดแคลนกระสุนปืนใหญ่ในแนวหน้า
ตอนนี้ การขาดแคลนอาวุธของยูเครนกำลังสร้างความกังวลให้กับชาติพันธมิตรตะวันตก หลายชาติเริ่มออกมาประกาศให้ความช่วยเหลือยูเครนเฉพาะแบบหน้า เช่น เดนมาร์ก ที่ออกมาประกาศว่าจะมอบปืนใหญ่และกระสุนทั้งหมดที่มีในคลังแสงให้ยูเครน
ล่าสุด แคนาดาเป็นอีกหนึ่งชาติที่ออกมาประกาศความช่วยเหลือด้านการทหารให้แก่ยูเครน โดย บิล แบลร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแคนาดา ได้ประกาศส่งมอบโดรนรุ่นสกายเรนเจอร์ อาร์ 70 ราว 800 ลำ คิดเป็นมูลค่ากว่า 70 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 2,520 ล้านบาทให้แก่ยูเครน เพื่อนำไปใช้ในวัตถุประสงค์ด้านการทหาร
บ.ดอยแม่สลอง ออกประกาศหลัง "มอส ละครคุณธรรม" ถูกสืบนครบาลจับกุม
หลายฝ่ายจับพิรุธ หลังรัสเซียไม่คืนร่าง “นาวาลนี"
สามี รับสารภาพใช้หินทุบหัว “น้องนุ่น” นำศพไปทิ้งที่ปราจีนบุรี