ส่องตลาดหุ้นทั่วโลกย้อนกลัง 10 ปี ตลาดไหนให้ผลตอบแทนดีที่สุด

นายชาตรี โรจนอาภา CFA, FRM Head of Investment Consultant SCB CIO ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า ช่วงที่ผ่านมา จะมีสถานการณ์ที่สร้างความกังวลให้กับนักลงทุนหลายอย่าง​ ทั้งการแพร่ระบาดของโควิดที่ทั่วโลกต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย สงครามรัสเซีย-ยูเครน และสงครามอิสราเอล-ฮามาส

แต่การลงทุนในตลาดหุ้น ยังให้ผลตอบแทนที่ดี โดยหากพิจารณาผลตอบแทนเฉลี่ยของสินทรัพย์ต่างๆ นับตั้งแต่ปี 2555-2566 พบว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ​ ให้ผลตอบแทนดีที่สุด 15% ต่อปี

ส่วนตลาดหุ้นประเทศตลาดเกิดใหม่ ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 5% ต่อปี และตลาดหุ้นไทย ให้ผลตอบแทน 7.1% ต่อปี ดังนั้น SCB CIO จึงแนะนำให้ผู้ลงทุนเน้นมองการลงทุนเป็นเรื่องระยะยาว ที่ต้องใช้เวลา

ภาพรวมปัจจัยเศรษฐกิจที่มีผลต่อการลงทุนในเวลานี้

ได้แก่ เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์พอสมควร เศรษฐกิจสหรัฐฯ เติบโตแข็งแกร่ง ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ เช่น ตัวเลขการจ้างงานภาคการเกษตร ดัชนีราคาผู้บริโภค และยอดขายปลีก ในเดือน มี.ค. ออกมาดีเกินคาด ขณะที่ การผลิตอุตสาหกรรมส่งสัญญาณฟื้นตัว ส่วนเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ในระดับใกล้เคียงหรือสูงกว่า 3% ต่อปี

ซึ่งเป็นแรงกดดันต่อแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ทำให้อาจปรับลดดอกเบี้ยช้าลง และยังมีผลต่อดอกเบี้ยนโยบายของตลาดการเงินทั่วโลกอีกด้วย

ส่วนธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีโอกาสลดดอกเบี้ยเร็วกว่า Fed โดยอาจปรับลดดอกเบี้ยในเดือน มิ.ย. นี้ และคาดว่าจะปรับลดประมาณ 3 ครั้ง ในปีนี้ เนื่องจากเงินเฟ้อมีแนวโน้มเข้าสู่เป้าหมายที่ 2.3% ในปี 2567 และเข้าสู่ 2.0% ภายในปี 2568 ขณะที่ Fed จะผ่อนคลายนโยบายการเงินล่าช้ากว่าธนาคารกลางอื่น อาจเลื่อนปรับลดอัตราดอกเบี้ยไปเป็นไตรมาส 3 และปรับลดรวม 2 ครั้งในปีนี้

ส่วนธนาคารกลางอื่นๆ อาจปรับลดดอกเบี้ยครั้งแรกในไตรมาสที่ 3 สำหรับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดว่า จะไม่ปรับลดดอกเบี้ยก่อน Fed เพื่อพยายามรักษาส่วนต่างดอกเบี้ย ทำให้ค่าเงินมีเสถียรภาพ โดยน่าจะได้เห็นภาพการลดดอกเบี้ยในไตรมาสที่ 3 เช่นกัน​​คำพูดจาก อันดับ1 เว็บสล็อตตรง

ผลตอบแทนตลาดหุ้นทั่วโลก ติดลบมากที่สุดในรอบ 7 เดือน

หากดูที่ ผลตอบแทนตลาดหุ้นทั่วโลก สิ้นเดือน เม.ย.​ที่ผ่านมา พบว่า ติดลบมากที่สุดในรอบ 7 เดือน จากข้อมูลที่บ่งชี้ถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ชะลอตัว และอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มลดลงช้ากว่าที่คาด จากการที่การจ้างงานในไตรมาสแรกยังออกมาแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม ทิศทางกำไรบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นทั่วโลกส่วนใหญ่มีแนวโน้มเติบโตที่ดี นำโดยตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เวียดนาม และประเทศพัฒนาแล้วทั้งหมด แต่สำหรับทิศทางกำไรบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นจีน ทั้ง A-Share และ H-Share ยังมีแนวโน้มชะลอตัว

ด้านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ที่เคยเร่งตัวในช่วงที่ผ่านมา ได้สะท้อนเงินเฟ้อที่ปรับลดลงช้ากว่าคาด ขณะที่ ตั้งแต่ช่วงต้นเดือน พ.ค.​ที่แรงกดดันเงินเฟ้อและดอกเบี้ยนโยบายเริ่มผ่อนคลายลง จากรายงานการจ้างงานของสหรัฐฯ เดือน เม.ย. ที่เริ่มชะลอตัว รายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมงปรับลดลง

แม้มีความเสี่ยงที่ราคาตราสารหนี้จะปรับลดลง แต่การลงทุนตราสารหนี้ในช่วงนี้ จะได้รับผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ยรับ (Coupon Yield) ที่สูงขึ้น สำหรับผู้ที่ถือตราสารหนี้จนครบกำหนดไถ่ถอน นอกจากนี้ เมื่ออัตราผลตอบแทนตราสารหนี้มีแนวโน้มปรับลดลง​ ก็จะทำให้ราคาตราสารหนี้สูงขึ้น ทำให้ผู้ลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีเรามอง ดัชนี S&P500 ของสหรัฐฯ​ ที่ปรับลดลงเดือน เม.ย. ​สะท้อนความเสี่ยงเงินเฟ้อ และการเร่งตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ 10 ปี พอสมควรแล้ว ขณะที่กำไรไตรมาสแรกดีกว่าคาด ทำให้ Valuation เริ่มกลับมาอยู่ในระดับที่น่าสนใจ​

ไล่ดูแนวโน้มตลาดหุ้นทั่วโลกคำพูดจาก ปั่นสล็อต

ดัชนี STOXX600 ของยุโรป มีแนวโน้มที่กำไรบริษัทจดทะเบียนไตรมาสแรกออกมาดีกว่าคาด อีกทั้งมีแนวโน้มการซื้อหุ้นคืนและจ่ายเงินปันผลมากขึ้น จึงมีความน่าสนใจ

ดัชนี TOPIX ของญี่ปุ่น มีแนวโน้มรายงานผลประกอบการไตรมาส 4 ปีงบประมาณ 2566 (ไตรมาสแรก ปี 2567 ตามปีปฏิทิน) ดีกว่าคาด แต่ยังมีความเสี่ยงถูกปรับลดประมาณการกำไรปีงบประมาณ 2567 หลังผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของญี่ปุ่น (Tankan) พบว่า บริษัทใหญ่ของญี่ปุ่นคาดการณ์กำไรสุทธิปีงบประมาณ 2567 ลดลง และมองเงินเยนสิ้นปีนี้แข็งค่ามากกว่าปัจจุบัน ตลาดจึงอาจปรับฐาน ซึ่งหากเกิดขึ้น ก็เป็นโอกาสลงทุนระยะยาว“ นายชาตรี กล่าว

ตลาดหุ้นเวียดนาม เผชิญความผันผวนจากปัจจัยทั้งภายนอกและภายใน ได้แก่ สถานการณ์ในตะวันออกกลางที่ตึงเครียดมากขึ้น ส่งผลลบต่อค่าเงินดองของเวียดนาม และยังมีข่าวผลกระทบจากการทุจริตในภาคอสังหาริมทรัพย์ ที่กระทบต่อ Sentiment นักลงทุน แต่ด้วยปัจจัยพื้นฐานที่ดีขึ้น และความคืบหน้าในการยกระดับตลาดหุ้นเวียดนามจากตลาดชายขอบ (Frontier Market) สู่ตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) มีแนวโน้มดึงดูดให้นักลงทุนต่างชาติกลับมาลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนามอีกครั้ง

ตลาดหุ้นจีน H-Share (ตลาดหุ้นฮ่องกง) ที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น หลังผลการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคคอมมิวนิสต์ของจีน (Politburo) ออกมาส่งสัญญาณออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ เพิ่มเติม โดยเราคาดว่า หลังจากนี้ ทางการอาจเน้นบังคับใช้มาตรการผ่อนคลายที่มีอยู่มากขึ้น รวมทั้งในการประชุมคณะกรรมการกลางแห่งพรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 3 (3rd Plenum) ที่จะเกิดขึ้นช่วงเดือน ก.ค.นี้ คาดว่า อาจมีการเปิดเผยรายละเอียดมาตรการต่างๆ เกี่ยวกับทิศทางการปฏิรูปของจีน

โดยเฉพาะระบบการคลัง ระบบการเงิน และรัฐวิสาหกิจ ขณะที่คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ​(ก.ล.ต.) ของจีน มีมาตรการสนับสนุนการพัฒนาตลาดหุ้น H-Share ออกมาต่อเนื่อง อีกทั้งหุ้นจีนใน H-Share มีแนวโน้มเพิ่มผลตอบแทนผู้ถือหุ้น ผ่านการจ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้น และการเพิ่มซื้อหุ้นคืน ซึ่งจะช่วยหนุนแนวโน้มการฟื้นตัวของอัตราผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้นของดัชนี H-Share

By admin

Related Post